โครงการทั้งหมดที่ รพ.สต.ได้จัดทำไปแล้ว

1.โครงการป้องกันและแก้ไขภาวการณ์ขาดสารไอโอดีนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
2.โครงการเยี่ยมบ้านและเวชปฏิบัติครอบครัว
3.โครงการปลอดพยาธิตำบลโคกกลาง
4.โครงการอบรมแกนนำสุขภาพครอบครัว
5.โครงการไอโอดีนดุจความรักจากแม่
6.โครงการค้นหาและคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
7.โครงการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุแบบบูรณาการ
8.โครงการรดย้ำดำหัวผู้สูงอายุ(อบต.จัดทำ)
9.โครงการเฝ้าระวังปัญหาภาวะโภชนาการในเด็กก่อนวัยเรียน
10.โครงการเฝ้าระวังทันตสุขภาพในศูนย์เด็กเล็ก(อบต.จัดทำ)

06 ตุลาคม, 2552

มังสวิรัติ

กินมังสวิรัติแบบไม่ให้ขาดสารอาหาร
ในตอนนี้ก็มีหลายๆ คนที่ตื่นตัวในเรื่องสุขภาพหันมากินอาหาร มังสวิรัติกันมากขึ้น โดยเลิกกินเนื้อสัตว์หันมากินแต่พืช ผัก ผลไม้ บางคนที่กินแบบเคร่งครัดมากๆ ก็จะกินเฉพาะ พืชผักและผลไม้เพียงอย่างเดียว หรือบางคนอาจกินนมและไข่ ร่วมด้วย แต่โดยหลักแล้วก็คือ การงดเว้นอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ คุณประโยชน์ของการกินมังสวิรัตินั้นก็มีมากมาย เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับกากใยจากผักและผลไม้เป็นประจำทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการลดไขมัน และคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคความดันโลหิตสูง อีกทั้งผู้ที่กินมังสวิรัติเป็นประจำ ยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณที่เปล่งปลั่งสดใสอีกด้วย
แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของคนที่คิดจะกินมังสวิรัติก็คือ ความกังวลว่าร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบ เพราะการกินแต่ผักนั้นก็จะทำให้ร่างกายขาดโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงขอแนะนำผู้ที่ต้องการกินมังสวิรัติโดยไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารว่า ควรจะต้องกินโปรตีนจากพืชให้มากขึ้น โดยแหล่งโปรตีนในพืชจะมาจากถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว โดยเฉพาะถั่วเหลืองจะให้โปรตีนเหมือนกับที่ได้จากสัตว์ เป็นแหล่งกรดอะมิโนชนิดจำเป็นทุกชนิดในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ กินผักที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักใบเขียวต่างๆ เช่น ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักโขม มะเขือพวง ส่วนวิตามินบี 12 นั้น พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ นม ดังนั้นผู้ที่กินมังสวิรัติแบบเคร่งครัดจะขาดวิตามินบี 12 มากที่สุด ควรกินวิตามินเสริม แต่สำหรับคนที่กินนมและไข่ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

ที่มา : http://www.healthcorners.com

โรคไข้หวัดนก

โรคไข้หวัดนก
เชื้อไข้หวัดนกคืออะไร avian influenza
เชื้อไข้หวัดนกเป็นเชื้อไวรัสโดยธรรมชาติจะี่ติดต่อในนกเท่านั้น โดยเฉพาะนกป่า นกเป็ดน้ำจะเป็นพาหะของโรค เชื้อจะอยู่ในลำไส้โดยที่ตัวนกไม่มีอาการ เมื่อนกป่าเหล่านี้อพยพไปก็จะนำเชื้อนั้นไปด้วย เมื่อสัตว์อื่น เช่นไก่ เป็ด หมูเมื่อไก่หรือสัตว์เลี้ยงอื่นได้รับเชื้อไข้หวัดนกจะเกิดอาการสองแบบคือ
หากได้รับเชื้อชนิดไม่รุนแรง low pathogenic สัตว์เลี้ยงนั้นอาจจะมีอาการไม่มากและหายได้เอง
หากเชื้อที่ได้รับมีความรุนแรงมาก highly pathogenic ก็จะทำให้สัตว์เลี้ยงตายหมดโดยมากภายใน 2 วัน
อ่านรายละเอียดของเชื้อไข้หวัดที่นี่
อ่านการติดเชื้อไข้หวัดนกในไก่
คนจะติดเชื้อไข้หวัดนกจากนกหรือไม่
ยังไม่มีรายงานว่าคนติดไข้หวัดนกจากนก
ผลกระทบของการระบาดไข้หวัดนกในไก่ต่อสุขภาพของคน
การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกH5N1ในไก่ ส่งผลต่อสุขภาพของคนสองประการได้แก่
มีการติดเชื้อไข้่หวัดนกจากไก่สู่คนซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนจากการระบาดครั้งที่แล้ว
การกลายพันธ์ของเชื้อH5N1ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดการระบาดไปทั่วโลก
ประเทศที่มีการระบาดของเชื้อ H5N1สู่คน
การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกสู่คนมีหลายประเทศดังนี้
กัมพูชา
เวียดนาม
ลาว
อินโดนีเซีย
ไทย
ส่วนฮ่องกงเคยระบาดเมื่อปี 1997 สถานการณ์ไข้หวัดนกวันที่ 17 พย 2548
คนติดไข้หวัดนกได้อย่างไร
เมื่อนกป่าหรือนกน้ำมาอาศัยก็จะถ่ายอุจาระที่มีเชื้อโรค สัตว์เลี้ยงเช่นไก่เมื่อได้รับเชื้อโรคก็จะเกิดการติดเชื้อ ซึ่งสามารถแพร่สู่คนได้ เมื่อไก่ตายหรือป่วยก็จะมีการนำไก่เหล่านั้นไปบริโภคทำให้เกิดการติดเชื้อไข่หวัดนกจากไก่ การติดต่อมักจะเกิดขณะการเชือดไก่ การถอนขนไก่ การทำความสะอาดเครื่องในไก่
เชื้อไข้หวัดนกมักจะติดต่อระหว่างสัตว์ปีกแต่ก็สามารถติดต่อระหว่างนกสู่คนโดยเฉพาะสายพันธ์ H5N1คนจะได้รับเชื้อทาง
สัมผัสโดยตรงจากไก่ที่ป่วยเป็นโรค โดยสัมผัสเสมหะ หรือสารคัดหลั่ง
สัมผัสกับอุจาระของสัตว์ที่เป็นโรค
พื้นดินที่มีเชื้อโรคอยู่
มีโอกาศที่เชื้อ H5N1จะระบาดทั่วโลก
การที่เชื้อไข้หวัดนก H5N1จะระบาดทั่วโลกต้องมีปัจจัยสามประการได้แก่
มีการเชื้อโรคชนิดใหม่
เชื้อก่อให้เกิดโรครุนแรงในคน
เชื้อนั้นสามารถติดต่อจากคนสู่คน
สำหรับเชื้อไข้หวัดนกมีองค์ประกอบเพียงสองข้อ ยังขาดการระบาดจากคนสู่คน อย่างไรก็ตามหากยังมีการระบาดของไข้หวัดนกในไก่ยังคงมีต่อเนื่องก็มีโอกาศที่เชื้อจะกลายพันธ ์ทำให้เกิดการติดเชื้อจากคนสู่คน
โอกาศของเชื้อไข้หวัดนก H5N1 จะระบาดทั่วโลกมีอะไรบ้าง
โกาศที่เชื้อไข้หวัดนกจะระบาดทั่วโลก Pandemic มีโอกาศคอนข้างมากการป้องกันจะทำได้โดยการกำจัดปัจจัยเสี่ยงสองประการคือ
การกลายพันธ์ของเชื้อไข้หวัดนก การกลายพันธ์ของเชื้อไข้หวัดนกมีสองวิธีคือ
Reassortment คือการที่เชื้อไข้หวัดนกได้แลกเปลี่ยนพันธุกรรมระหว่างไวรัสที่ติดเชื้อในคนและไวรัสป้องกันไข้หวัดนก การป้องกันการกลายพันธ์ทำไดโดยการป้องกันมิให้เชื้อไข้หวัดนกข้ามพันธ์กับเชื้อไข้หวัดใหญ่ วิธีการคือแยกการเลี้ยงไก่และหมูออกจากกัน คนที่ทำงานฟาร์มไก่ หรือคนที่ทำลายไก่ หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
Mutation คือการกลายพันธ์ด้วยตัวมันเองซึ่งต้องใช้เวลานาน วิธีป้องกันการกลายพันธ์นี้ทำได้โดยการกำจัดแหล่งแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดและรีบทำลายเชื้ออย่างรวดเร็ว แต่จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่พบว่าเชื้อได้ระบาดไปทั่วโลกจนเป็นเชื้อประจำถิ่นทำให้การกำจัดเชื้อเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นเชื้อยังติดต่อสู่คน ทุกครั้งที่เชื้อติดต่อสู่คนก็จะทำให้เชื้อพัฒนาติดคนได้ง่ายขึ้น และอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น
การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกในไก่ หากมีการระบาดของไข้หวัดนกในไก่และมีการติดเชื้อสู่คนก็จะเพิ่มโอกาศที่เชื้อจะกลายพันธ์
ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เชื้อไข้หวัดนกมีการระบาดมีอะไรบ้าง
เป็ดไล่ทุ่งซึ่งเป็นพาหะของโรคซึ่งเป็นแหล่งแพร่พันธ์ไปยังสัตว์ธรรมชาติทำให้เชื้อมีการกระจายเป็นวงกว้าง
เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ที่พบในปี 2004 มีความรุนแรงและอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นามกว่าเชื้อที่พบในปี 1997
เชื้อไข้หวัดนก H5N1 สามารถติดไปยังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่นเสือ แมว
การอพยพของนกป่าและนกน้ำเปลี่ยนแปลงไป
ผลกระทบเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดนก
เมื่อเกิดการระบาดของไข้หวัดนกในคน ไม่ใครที่จะหยุดการระบาดได้ เชื้อจะติดต่อจากคนสู่คนโดยการจามหรือไอ นอกจากนั้นคนที่ได้รับเชื้ออาจจแพร่เชื้อโดยที่ยังไม่มีอาการทำให้เชื้อระบาดไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
ประมาณว่าจะมีประชากรโลกติดเชื้อร้อยละ 25-30 โดยประมาณว่าจะมีคนเสียชีวิตประมาณ 2-7.4 ล้านคน หากเชื้อมีความรุนแรงก็อาจจะมีคนเสียชีวิตมากกว่านี้ การคำนวณอาศัยข้อมูลการระบาดปี 1958
จำนวนเตียงของโรงพยาบาลไม่เพียงพอ จะขาดคนทำงาน ทำให้การขนส่ง การดูแลไม่เพียงพอ
จะขาดแคลนยาปฏิชีวนะ วัคซีน
เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและทางสังคม
ไม่มีการช่วยเหลือจากนานาชาติเนื่องจากแต่ละประเทศก็ห่วงคนของตัวเอง
สัญญาณเตือนภัยว่าเชื้อไข้หวัดนกติดต่อจากคนสู่คน
ประชาชนควรจะเฝ้าระวังว่าจะมีการระบาดใหญ่หรือไม่โดยสังเกตจาก รายละเอียดอ่านที่นี่
มีการติดเชื้อในกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกัน เกิดโรคเวลาใกล้เคียงกัน
เจ้าหน้าที่ติดเชื้อไข้หวัดนกจากการดูแลผู้ป่วย
มีการกลายพันธ์ของเชื้อโรค
ยาที่ใช้รักษา
ยาที่ใช้ในการรักษาได้แก่ Oseltamivir[tamiflu] และยา Zannamivir[Relenza] เป็นยาที่จะช่วยบรรเทาอาการของโรคแต่ต้องให้ยาภายใน 48 ชั่วโมงหลั่งเกิดอาการ
ความรู้ใหม่ล่าสุดปี2006
องค์การอนามัยโลเตือนเรื่องการระบาดของไข้หวัดนกจากคนสู่คน 23 พค 2549 อ่านที่นี่
ความปลอดภัยของแหล่งน้ำ 23 พค 2549 อ่านที่นี่
การจัดการเมื่อเริ่มเกิดการระบาดของไข้หวัดนก มีนาคม 2006 อ่านที่นี่
การเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดของไข้หวัดนก 2005 อ่านที่นี่
ความรู้ไข้หวัดนก
การติดเชื้อไข้หวัดนกในคน
การป้องกันไข้หวัดนกในคน
เมื่อคนติดไข้หวัดนก
เมื่อคุณอยู่ในที่มีการระบาดของไข้หวัดนก
การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไข้หวัดนก
การเลือกหน้ากากอนามัย
การสวมหน้ากากอนามัย
การทดสอบความพอดีของหน้ากากอนามัย
การปรุงอาหารอย่างปลอดภัย
ความปลอดภัยสำหรับผู้เลี้ยงไก
การล้างมือ
การระบาดของไข้หวัด
อ้างอิงจาก :http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/avian/avian.htm

โรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัด เชื้อไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก ไข้หวัดมรณะ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ โรคไข้หวัดข้ออักเสบ การดูแลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดต่างกันอย่างไร
ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อ Influenza virus เป็นการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ เช่น จมูก คอ หลอดลม และปอด เชื้ออาจจะลามเข้าปอดทำให้เกิดปอดบวม ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัวปวดกล้ามเนื้อมาก จะพบมากทุกอายุโดยเฉพาะในเด็กจะพบมากเป็นพิเศษ แต่อัตราการเสียชีวิตมักจะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต เป็นต้น การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อน ลดการหยุดงานหรือหยุดเรียน
สำหรับไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไข้ไม่สูงมาก
ในปี คศ.2003 ได้มีการแนะนำเรื่องไข้หวัดใหญ่ดังนี้
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน(เนื่องจากเชื้อนี้มักจะระบาดในต่างประเทศ หากประเทศเราจะฉีดก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกัน) โดยเน้นไปที่ประชาชนที่มีอายุ 50 ปี,เด็กอายุ 6-23 เดือน,คนที่อายุ 2-49 ปีที่มีโรคประจำตัวกลุ่มนี้ให้ฉีดในเดือนตุลาคม ส่วนกลุ่มอื่น เช่นเด็ก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ดูแลคนป่วย กลุ่มนี้ให้ฉีดเดือนพฤศจิกายน
เด็กที่อายุ 6-23 เดือนควรจะฉีดทุกรายโดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย
ชนิดของวัคซีนที่จะฉีดให้ใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของเชื้อ A/Moscow/10/99 (H3N2)-like, A/New Caledonia/20/99 (H1N1)-like, และ B/Hong Kong/330/2001
ให้ลดปริมาณสาร thimerosal ซึ่งเป็นสารปรอท
เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่
Family Orthomyxoviridae
Genus: Influenza
ตัวเชื้อมีขนาด 80-120 nm
ลักษณะเป็น filament
Types: A, B, and C
การจำแนกชนิดของเชื้ออาศัย antigen ซึ่งอยู่ที่เปลือก(virus envelope) และแกนกลาง ( nucleoprotein )
Influenza A virus ทำให้เกิดโรคในคน สัตว์ปีก หมู ม้า สัตว์ทะเล แต่สัตว์ป่าจะเป็นพาหะของโรค
Influenza B virus เกิดโรคเฉพาะในคน
Influenza C virus ทำให้เกิดโรคในคนและม้า แต่เป็นอย่างไม่หนัก
การระบาดของไข้หวัดนกส่วนใหญ่เกิดเชื้อชนิด Type A
ที่เปลือกของเชื้อยังมี antigen อีกสองชนิดคือ Hemagglutinin(H )และ neuraminidase(N)
Type A จะมี H antigen อยู่ 15 ชนิดคือ H1-H15,ส่วน N antigen มีอยู่ 9 ชนิดคือ N1-N9 เชื้อชนิด H5,H7 จะเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรง
Influenza B virus จะเกิดโรคเฉพาะในคน เชื้อนี้จะทำให้เกิดการระบาดเป็นครั้งๆ แต่ไม่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่วโลกเหมือน type A
Influenza C virus ไม่มีการแบ่ง antigen ทำให้เกิดโรคอย่างเบาในคน ไม่มีการระบาด
Type: Influenza A
ไวรัสชนิดนี้จะเป็นสาเหตุของการระบาดในคน
การระบาดของไข้หวัดนกทั่วโลกเกิดจากเชื้อตัวนี้ จะมี H antigen อยู่ 15 ชนิดคือ H1-H15 ส่วน N antigen มีอยู่ 9 ชนิดคือ N1-N9
เมื่อเร็วๆนี้เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ H5, H7, and H9
influenza Aจะพบในนกโดยที่นกจะไม่เป็นโรค
influenza A ชนิด H5 and H7 จะทำให้เกิดการระบาดในสัตว์เลี้ยง
นอกจากนั้น influenza A ยังทำให้เกิดโรคในม้า หมู ปลาวาฬ แมวน้ำ แมว เสือ
การเรียกชื่อไวรัส
การเรียกชื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่อาศัยหลักเกณฑ์ดังนี้้
Type ให้ใช้ A,B,C กรณีที่เป็น Type A จะแยกเป็น 2 ชนิดคือ H,N antigen และแต่ละชนิดยังแยกเป็นย่อย
แหล่งกำเนิดโรค
ลำดับพันธุ์ที่แยกเชื้อได้
ปี ค.ศ.ที่แยกได้
สำหรับ influenza A ให้บอกชนิดย่อย ของ H และN แอนติเจน
ตัวอย่าง Influenza virus A/Hong kong/1/68/[H3N2]
ไข้หวัดใหญ่คนและไข้หวัดใหญ่นกต่างกันอย่างไร
คนจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ทั้ง Influenza A,B,C สำหรับType A เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ H1N1, H1N2, และ H3N2
สำหรับไข้หวัดนกจะเป็นเฉพาะ Type A สายพันธุ์ที่มักจะทำให้เกิดโรคในนกได้แก่ H5 และ H7 แต่ความทนทานต่อเชื้อไข้หวัดของนกแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน นกน้ำ เป็ดป่า นกป่าจะไม่เกิดโรค สัตว์เหล่านี้จะเป็นพาหะและจะนำเชื้อไปสู่สัตว์เลี้ยงทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดโรค และเชื้อนั้นอาจจะติดมายังคน
การระบาดของเชื้อโรค
เชื้อที่เป็นสาเหตุของการระบาดได้แก่ Influenza A virus ซึ่งมีวิธีการระบาดได้สองวิธีคือ
highly pathogenic avian influenza (HPAI) คือการระบาดชนิดรุนแรงซึ่งทำให้เกิดอัตราการตายสูงเกิดจากเชื้อ H5,H7
low-pathogenic avian influenza (LPAI) เป็นการระบาดอย่างไม่รุนแรง แต่อาจจะกลายพันธุ์เป็นเชื้อที่ระบาดรุนแรงก็ได้
การระบาดเชื่อว่าเกิดจากนกน้ำ หรือนกที่อพยพจากแหล่งอื่นที่เป็นภาหะของโรคนำเชื้อโรคมาที่ฟาร์ม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรมของไวรัส
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A จะมีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ และทำให้เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่เป็นระยะๆ การเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกมีสองวิธีได้แก่
antigenic drift เป็นการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของไวรัสทำให้เกิดไวรัสพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายไม่เคยเจอจึงไม่มีภูมิต่อเชื้อโรคนี้ ตัวอย่างการเกิดการกลายพันธุ์ทำให้ในแต่ละปีต้องคิดวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่
antigenic shift คือการที่เชื้อไวรัสไขหวัดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรม เมื่อเชื้อนั้นไปติดเชื้อสัตว์ ทำมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของเชื้อไวรัสอย่างทันที ทำให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่คนไม่รู้จักและไม่เคยมีภูมิต่อเชื้อโรค เมื่อเชื้อระบาดเข้าสู่คน คนไม่มีภูมิต่อเชื้อโรคจึงเกิดการระบาดไปทั่วโลก ดังเคยเกิดมาเมื่อปี 1918ที่ประเทศสเปน การเกิด antigenic shift มักจะเกิดกับสัตว์เลี้ยงใกล้ตัว เช่น แมว หมู
เชื้อไข้หวัดนก
เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ติดในนกเรียกว่า avian influenza viruses ซึ่งเป็นเชื้อชนิด infuenza type A เท่านั้น สายพันธ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในนกได้แก่สายพันธ์ H5, H7, และ H9 ลักษณะของการติดเชื้อไข้หวัดนก
Influenza A H5
มี9สายพันธ์ได้แก่H5N1, H5N2, H5N3, … H5N9
เป็นได้ทั้งชนิดที่มีความรุนแรงมากและน้อย( highly pathogenic or low pathogenic )
มีหลักฐานว่าเกิดการติดเชื้อในคน และทำให้เสียชีวิต
Influenza A H7
มี9สายพันธ์ได้แก่ H7N1, H7N2, H7N3, … H7N9
เป็นได้ทั้งชนิดที่มีความรุนแรงมากและน้อย( highly pathogenic or low pathogenic )
ไม่ค่อยพบว่าติดต่อสู่คน นอกจากจะพบในคนงานในฟามร์ ทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ
Influenza A H9
มี9สายพันธ์ได้แก่ H7N1, H7N2, H7N3, … H7N9
เป็นเฉพาะที่มีความรุนแรงน้อย
มีรายงานว่าคนติดเชื้อนี้ 3 คน
การติดต่อ
เชื้อนี้ติดต่อได้ง่ายโดยทางเดินหายใจ วิธีการติดต่อได้แก่
ติดต่อโดยการไอหรือจาม เชื้อจะเข้าทางเยื่อบุตาและปาก
สัมผัสเสมหะของผู้ป่วยทางแก้วน้ำ ผ้า จูบ
สัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อ่านรายละเอียด
อาการของโรค
อาการของไข้หวัดใหญ่จะเหมือนกับไข้หวัด แต่ไข้หวัดใหญ่จะเร็วกว่า ไข้สูงกว่า อาการทำสำคัญได้แก่
ระยะฟักตัวประมาณ1-4 วันเฉลี่ย 2 วัน
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
เบื่ออาหาร คลื่นไส้
ปวดศรีษะอย่างรุนแรง
ปวดแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบกระบอกตา
ไข้สูง 39-40 องศาในเด็ก ผู้ใหญ่ไข้ประมาณ 38 องศา
เจ็บคอคอแดง มีน้ำมูกไหล
ไอแห้งๆ ตาแดง
ในเด็กอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
อาการไข้ คลื่นไส้อาเจียนจะหายใน 2 วัน แต่อาการน้ำมูกไหลคัดจมูกอาจจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงมักจะเกิดในผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว
อาจจะพบว่ามีการอักเสบของเยื่อหุ่มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ
อาจจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศรีษะ ซึมลง หมดสติ
ระบบหายใจอาจจะมีอาการของโรคปอดบวม จะหอบหายใจเหนื่อยจนถึงหายใจวาย
โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่จะหายในไม่กี่วัน แต่ก็มีบางรายซึ่งอาจจะมีอาการปวดข้อและไอได้ถึง 2 สัปดาห์
ระยะติดต่อ
ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น
ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ
ห้าวันหลังจากมีอาการ
ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นาน 10 วัน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่จะอาศัยระบาดวิทยาโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด และอาการของผู้ป่วย การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องทำการตรวจดังนี้
นำเอาเสมหะจากจมูกหรือคอไปเพาะเชื้อไวรัส
เจาะเลือดผู้ป่วยหาภูมิ 2 ครั้งโดยครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก 14 วัน
การตรวจหา Antigen
การตรวจโดยวิธี PCR,Imunofluorescent
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
ผู้ป่วยอาจจะมีอาการกำเริบของโรคที่เป็นอยู่ เช่นหัวใจวาย หรือหายใจวาย
มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ เช่น ปอดบวม ฝีในปอด
เชื้ออาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
หูอักเสบ
การรักษา
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะหายเอง หากมีอาการไม่มากอาจจะดูแลเองที่บ้าน วิธีการดูแลมีดังนี้
ให้นอนพักไม่ควรจะออกกำลังกาย
ให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือดื่มน้ำผลไม้ ไม่ควรดื่มน้ำเปล่ามากเกินไปเพราะอาจจะขาดเกลือแร่ ดื่นจนปัสสาวะใส
รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลงให้รับประทาน paracetamol ไม่แนะนำให้ aspirinในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Reye syndrome การรับประทาน paracetamol ก็ต้องระวังจะทำให้ตับอักเสบ
ถ้าไอมากก็รับประทานยาแก้ไอ แต่ในเด็กเล็กไม่ควรซื้อยารับประทาน
สำหรับผู้ที่เจ็บคออาจจะใช้น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนกรวกคอ
อย่าสั่งน้ำมูกแรงๆเพราะอาจจะทำให้เชื้อลุกลาม
ในช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สาธรณะ ลูกบิดประตู
เวลาไอหรือจามต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
ช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงสถามที่สาธารณะ
ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร
แม้ว่าไข้หวัดใหญ่จะหายได้เอง แต่ผู้ป่วยบางรายมีโรคแทรกซ้อน ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์
ผู้ป่วยเด็กควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
ไข้สูงและเป็นมานาน
ให้ยาลดไข้แล้วไข้ยังเกิน 38.5องศา
หายใจหอบหรือหายใจลำบาก
มีอาการมากกว่า 7 วัน
ผิวสีม่วง
เด็กดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารไม่พอ
เด็กซึม หรือไม่เล่น
เด็กไข้ลด แต่อาการไม่ดีขึ้น
สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้พบแพทย์
ไข้สูงและเป็นมานาน
หายใจลำบาก หรือหายใจหอบ
เจ็บหรือแน่นหน้าอก
หน้ามืดเป็นลม
สับสน
อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได
กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่เสี่งต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรจะพบแพทย์เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคเบาหวาน
คนท้อง
คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
เด็กเล็กหรือทารก
ผู้ป่วยโรคเอดส์
ผู้ที่พักในสถาพเลี้ยงคนชรา
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
เจ้าหน้าที่ที่ดูลแลผู้สูงอายุหรือดูแลคนป่วย
หากท่านสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ท่านต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสภายใน 48 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการเหล่านี้ควรจะรักษาในโรงพยาบาล
มีอาการขาดน้ำไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ
เสมหะมีเลือดปน
หายใจลำบาก หายใจหอบ
ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว
ไข้สูงมากเพ้อ
มีอาการไข้และไอหลังจากไข้หวัดหายแล้ว
การรักษาในโรงพยาบาล
แพทย์จะให้น้ำเกลือสำหรับผู้ที่ดื่มน้ำไม่พอ
ผู้ป่วยเหล่านี้ควรจะได้รับยา Amantadine หรือ rimantidine เพื่อให้หายเร็วและลดความรุนแรงของโรค ควรจะให้ใน 48 ชมหลังจากมีไข้ และให้ต่อ 5-7 วัน ยานี่ไม่ได้ลดโรคแทรกซ้อน
ให้ยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก
ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่ควรให้ยาปฎิชีวนะ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะหายใน 2-3 วันไข้จะหายใน 7 วันอาการอ่อนเพลียอาจจะอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์
การป้องกัน
ล้างมือบ่อยๆ
อย่าเอามือเข้าปากหรือขยี้ตา
อย่าใช้ของส่วนตัว เช่นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ให้พักที่บ้านเมื่อเวลาป่วย
เวลาไอจามใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก
หลีกเลี่ยงที่ชุมชนเมื่อมีการระบาด
การฉีดวัคซีน
การป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งทำจากเชื้อที่ตายแล้วโดยฉีดทีแขนปีละครั้ง หลังฉีด 2 สัปดาห์ภูมิจึงขึ้นสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดจะต้องเลือกผู้ป่วยดังต่อไปนี้
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวเช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเอดส์
หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่อาศัยในสถานเลี้ยงคนชรา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
นักเรียนที่อยู่รวมกัน
ผู้ที่จะไปเที่ยวยังที่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่ต้องการลดการติดเชื้อ
การใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อรักษา
Amantadine and Ramantadine เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาไวรัสไๆข้หวัดใหญ่ชนิด A ไม่ครอบคลุมชนิด B
Zanamivir Oseltamivir เป็นยาที่รักษาได้ทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A,B
การให้ยาภายใน 2 วันหลังเกิดอาการจะลดระยะเวลาเป็นโรค
จะใช้ยารักษาไข้หวัดกับคนกลุ่มใด
เราจะใช้ยากับคนกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโรคกลุ่มที่ควรจะได้รับยารักษาได้แก่
คนที่อายุมากกว่า 65 ปี
เด็กอายุ 6-23 เดือน
คนท้อง
คนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ
การให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่
ยาที่่ได้รับการรับรองว่าใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้แก่ Amantadine Ramantadine Oseltamivir วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่
ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีนไม่ทัน ทำให้ต้องได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่ดูดแลกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ควรจะได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่นโรคเอดส์
กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่อยากเป็นโรค
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/influenza.htm

ภาพกิจกรรมซ้อมแผนไข้หวัดใหญ่

ภาพกิจกรรมซ้อมแผนไข้หวัดใหญ่